CAI (คอมพิวเตอร์ช่วยสอน)ที่สมบูรณ์
พิจารณาจาก 4 I's
1.
Information (การนำเสนอเนื้อหาสาระ)
2. Individualization (การสนองความแตกต่างระหว่างบุคคล)
3. Interaction (การมีปฏิสัมพันธ์กับผู้เรียน)
4. Immediate feedback (การให้ข้อมูลป้อนกลับทันที)
2. Individualization (การสนองความแตกต่างระหว่างบุคคล)
3. Interaction (การมีปฏิสัมพันธ์กับผู้เรียน)
4. Immediate feedback (การให้ข้อมูลป้อนกลับทันที)
การนำเสนอเนื้อหาสาระ
CAI มีการนำเนื้อหาสาระมาจัดกระทำและนำเสนอในรูปแบบต่างๆ
ตามหลักการที่สอดคล้องกับแนวคิดทฤษฎี
การเรียนรู้ที่ผู้ออกแบบใช้เป็นฐานในการออกแบบเพื่อให้ผู้เรียนบรรลุจุดประสงค์การเรียนรู้ที่กำหนดไว้
การสนองความแตกต่างระหว่างบุคคล CAI มีการออกแบบให้มีความยืดหยุ่นมากพอที่จะให้ผู้เรียนที่มีความสามารถทางการเรียนรู้แตกต่างกันมีอิสระ ในการควบคุมการเรียนของตนเอง หรือเลือกรูปแบบการเรียนที่เหมาะสมกับตนได้ โดยมีรายการ มีปุ่มควบคุมต่าง ๆ
มีฮอตเวิร์ด (hotword) หรือข้อความหลายมิติ (hypertext) ให้ผู้เรียนมีอิสระในการสืบไปในบทเรียน ด้วยเวลาที่แตกต่างกัน มีอิสระในการเลือกเนื้อหา เลือกลำดับของการเรียน เลือกการฝึกปฏิบัติหรือเลือกการทดสอบที่สอดคล้องกับระดับความสามารถและความสนใจของผู้เรียนหรือมีการออกแบบให้ผู้เรียนที่มีความสามารถแตกต่างกันต้องผ่านขั้นตอน ของกิจกรรมการเรียนการสอนที่แตกต่างกัน
การสนองความแตกต่างระหว่างบุคคล CAI มีการออกแบบให้มีความยืดหยุ่นมากพอที่จะให้ผู้เรียนที่มีความสามารถทางการเรียนรู้แตกต่างกันมีอิสระ ในการควบคุมการเรียนของตนเอง หรือเลือกรูปแบบการเรียนที่เหมาะสมกับตนได้ โดยมีรายการ มีปุ่มควบคุมต่าง ๆ
มีฮอตเวิร์ด (hotword) หรือข้อความหลายมิติ (hypertext) ให้ผู้เรียนมีอิสระในการสืบไปในบทเรียน ด้วยเวลาที่แตกต่างกัน มีอิสระในการเลือกเนื้อหา เลือกลำดับของการเรียน เลือกการฝึกปฏิบัติหรือเลือกการทดสอบที่สอดคล้องกับระดับความสามารถและความสนใจของผู้เรียนหรือมีการออกแบบให้ผู้เรียนที่มีความสามารถแตกต่างกันต้องผ่านขั้นตอน ของกิจกรรมการเรียนการสอนที่แตกต่างกัน
การมีปฏิสัมพันธ์กับผู้เรียน
CAI มีการปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนกับคอมพิวเตอร์ประหนึ่งระหว่างผู้เรียนกับผู้สอนอย่างต่อเนื่องและอย่างมีความหมายในรูปแบบต่าง
ๆ
ตามกิจกรรมการเรียนการสอนที่ออกแบบให้เอื้อต่อการเกิดการเรียนรู้ตามจุดประสงค์ที่กำหนดไว้
การให้ผลป้อนกลับทันที
CAI มีการให้ผลป้อนกลับทันที
ซึ่งเป็นการเสริมแรงอย่างหนึ่งและให้ผู้เรียนได้ตรวจสอบความเข้าใจของตน
การให้ผลป้อนกลับมีได้หลายรูปแบบ เช่น การบอกว่า ถูก - ผิด การให้คำชม
การขอให้ลองคิดดูใหม่ การให้คะแนนและการประเมินผลการทดสอบ
ถ้าออกแบบกิจกรรมเป็นเกม ผลป้อนกลับอาจเป็นการแพ้ - ชนะ ถ้ากิจกรรมเป็นการแก้ปัญหา ผลป้อนกลับอาจเป็นสภาพที่ปัญหาถูกคลี่คลายเป็นเปลาะ ๆ ซึ่งทำให้ผู้เรียนเกิดความภูมิใจในความสามารถของตนและเป็นแรงจูงใจภายในให้มีความกระตือรือร้นที่จะแก้ปัญหาอื่น ๆ อีก ก่อให้เกิดการพัฒนาโครงสร้างทางปัญญาต่อไปอย่างไม่สิ้นสุด
ถ้าออกแบบกิจกรรมเป็นเกม ผลป้อนกลับอาจเป็นการแพ้ - ชนะ ถ้ากิจกรรมเป็นการแก้ปัญหา ผลป้อนกลับอาจเป็นสภาพที่ปัญหาถูกคลี่คลายเป็นเปลาะ ๆ ซึ่งทำให้ผู้เรียนเกิดความภูมิใจในความสามารถของตนและเป็นแรงจูงใจภายในให้มีความกระตือรือร้นที่จะแก้ปัญหาอื่น ๆ อีก ก่อให้เกิดการพัฒนาโครงสร้างทางปัญญาต่อไปอย่างไม่สิ้นสุด
แนวคิดการสร้างปัญญา
นักการศึกษาในกลุ่มรังสรรคนิยม (constructivism) ตั้งสมมติฐานเกี่ยวกับการสร้างปัญญาไว้ดังนี้
1. สถานการณ์ที่เป็นปัญหาและปฏิสัมพันธ์ทางสังคมก่อให้เกิดความขัดแย้งทางปัญญา
2. ความขัดแย้งทางปัญญาเป็นแรงจูงใจภายในให้เกิดกิจกรรมไตร่ตรองเพื่อขจัดความขัดแย้ง
3. การไตร่ตรองบนฐานแห่งประสบการณ์ และโครงสร้างทางปัญญาที่มีอยู่เดิม ภายใต้การมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมกระตุ้นให้มีการสร้างโครงสร้างใหม่ทางปัญญาที่สามารถขจัดความขัดแย้งนั้น
1. สถานการณ์ที่เป็นปัญหาและปฏิสัมพันธ์ทางสังคมก่อให้เกิดความขัดแย้งทางปัญญา
2. ความขัดแย้งทางปัญญาเป็นแรงจูงใจภายในให้เกิดกิจกรรมไตร่ตรองเพื่อขจัดความขัดแย้ง
3. การไตร่ตรองบนฐานแห่งประสบการณ์ และโครงสร้างทางปัญญาที่มีอยู่เดิม ภายใต้การมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมกระตุ้นให้มีการสร้างโครงสร้างใหม่ทางปัญญาที่สามารถขจัดความขัดแย้งนั้น
กิจกรรมไตร่ตรอง
กิจกรรมไตร่ตรองเป็นกิจกรรมของการตรวจสอบและขจัดความขัดแย้งทางปัญญา
- ระหว่างบุคคล
- ภายในตนเอง
- ระหว่างความเชื่อกับการประจักษ์
- ระหว่างบุคคล
- ภายในตนเอง
- ระหว่างความเชื่อกับการประจักษ์
โครงสร้างทางปัญญา
โครงสร้างทางปัญญาเป็นความรู้ที่อยู่ในระดับนัยทั่วไป
ไม่ใช่ข้อเท็จจริงเฉพาะ แบ่งได้เป็น 2 ด้าน คือ มโนทัศน์ และกระบวนการ มีคำที่ใช้เรียกหลายคำ เช่น scheme,
schema, structure, frame และ script บุคคลที่เรียนรู้ในระดับโครงสร้าง
จะสามารถนำโครงสร้างเดิมไปใช้ในกรณีอื่น ๆ
ได้มากมายและเป็นฐานในการสร้างโครงสร้างใหม่ด้วย
ความขัดแย้งทางปัญญา
หมายถึงสภาวะอสมดุลย์ (disequilibrium) อันเกิดจากการเผชิญกับความไม่สอดคล้องกันในความคิดความเชื่อบางอย่างที่ยึดถืออยู่
ความไม่สอดคล้องกันของข้อมูล ความไม่สมเหตุสมผล สภาวะที่ตัดสินใจไม่ได้ หรือสภาวะที่โครงสร้างทางปัญญาที่มีอยู่ไม่สามารถแก้สถานการณ์ที่เผชิญอยู่
บุคคลที่อยู่ในสภาวะเช่นนี้ จะเกิดแรงขับที่เป็นความอยากรู้อยากเห็น (curiousity)
ซึ่งเป็นแรงจูงใจภายในให้บุคคลค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อสนองแรงขับ
ประเภทของคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
สามารถจะแบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ รวม 8 ประเภทดังนี้
1. Instruction
2. Tutorial
3. Drill and Practice
4. Simulation
5. Games
6. Probllem Solving
7. Test
8. Discovery
สามารถจะแบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ รวม 8 ประเภทดังนี้
1. Instruction
2. Tutorial
3. Drill and Practice
4. Simulation
5. Games
6. Probllem Solving
7. Test
8. Discovery
คุณลักษณะสำคัญของคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
(CAI)
คุณลักษณะที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
4 ประการ ได้แก่
1.
สารสนเทศ (Information) หมายถึง เนื้อหาสาระที่ได้รับการเรียบเรียง ทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้
หรือได้รับทักษะอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่ผู้สร้างได้กำหนดวัตถุประสงค์ไว้ การนำเสนออาจเป็นไปในลักษณะทางตรง
หรือทางอ้อมก็ได้ ทางตรงได้แก่ คอมพิวเตอร์ช่วยสอนประเภทติวเตอร์ เช่นการอ่าน จำ
ทำความเข้าใจ ฝึกฝน ตัวอย่าง การนำเสนอในทางอ้อมได้แก่
คอมพิวเตอร์ช่วยสอนประเภทเกมและการจำลอง
2. ความแตกต่างระหว่างบุคคล (Individualization) การตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคล คือลักษณะสำคัญของคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
บุคคลแต่ละบุคคลมีความแตกต่างกันทางการเรียนรู้ คอมพิวเตอร์ช่วยสอน
เป็นสื่อประเภทหนึ่งจึงต้องได้รับการออกแบบให้มีลักษณะที่ตอบสนองต่อความแตกต่างระหว่างบุคคลให้มากที่สุด
3. การโต้ตอบ (Interaction) คือการมีปฏิสัมพันธ์กันระหว่างผู้เรียนกับคอมพิวเตอร์ช่วยสอนการเรียน
การสอนรูปแบบที่ดีที่สุดก็คือเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้มีปฏิสัมพันธ์กับผู้สอนได้มากที่สุด
4.การให้ผลป้อนกลับโดยทันที (Immediate Feedback) ผลป้อนกลับหรือการให้คำ
ตอบนี้ถือเป็นการ เสริมแรงอย่างหนึ่ง การให้ผลป้อนกลับแก่ผู้เรียนในทันทีหมายรวมไปถึงการที่คอมพิวเตอร์ช่วยสอนที่สมบูรณ์จะต้องมีการ ทดสอบหรือประเมินความเข้าใจของผู้เรียนในเนื้อหาหรือทักษะต่าง ๆ ตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้
ตอบนี้ถือเป็นการ เสริมแรงอย่างหนึ่ง การให้ผลป้อนกลับแก่ผู้เรียนในทันทีหมายรวมไปถึงการที่คอมพิวเตอร์ช่วยสอนที่สมบูรณ์จะต้องมีการ ทดสอบหรือประเมินความเข้าใจของผู้เรียนในเนื้อหาหรือทักษะต่าง ๆ ตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้